PRP (Platelet-Rich Plasma) คือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีความแพร่หลายในต่างประเทศ เป็นการนำเอาเลือดของคนไข้เองมารักษา ซึ่งเลือดจะประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือดและส่วนของเหลวเรียกว่าพลาสมานั่นเอง ส่วนสำคัญของกระบวนการรักษา โดย PRP เป็นส่วนของพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดอยู่อย่างหนาแน่น โดยเกล็ดเลือดมีสารที่เรียกว่า Growth Factor เช่น PDGF, TGF, IL,PDAF,VEGF, EGF, IGF and fibronectin เป็นสารกระตุ้นการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเป็นสารสำคัญที่ไปกระตุ้นให้เซลล์เกิดการเติบโตเร็วขึ้น เซลล์ ที่ว่านี้ ก็คือ เซลล์ Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้าง Collagen ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ทำให้ผิวหน้าที่ดูเหี่ยวย่นไม่เปล่งปลั่ง เริ่มตึงขึ้น ใบหน้าดูอ่อนวัย และผิวดูกระจ่างใสเจน เรียบเนียน กระชับ นุ่มนวล รวมถึงสามารถที่จะฉีดเข้าที่หนังศีรษะเพื่อฟื้นฟูได้อีกด้วยโดยการฉีดเข้าที่หนังศีรษะ จะทำให้หนังศีรษะกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง และช่วยสร้างเซลล์ของรูเส้นผมซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การเจริญเติบโตของเส้นผมที่ช่วยในการรักษาอาการผมร่วง
ขั้นตอนการทำPRP
1. ทำการเจาะเลือดจากข้อพับแขน ใส่หลอดที่เตรียมไว้
2. นำเลือดปั่นเพื่อสกัดแยกชั้น PRP (Platelet-Rich Plasma) ซึ่งเป็นชั้นที่มีเกล็ดเลือดซึ่งมีสารที่เรียกว่า Growth Factor
3. ทำการฉีดเกล็ดเลือด PRP เข้าสู่ บริเวณใบหน้า ลำคอ หลังมือ หนังศีรษะ หรือตามส่วนต่างๆที่ต้องการรักษา
ผลลัพธ์ ที่ได้จากการทำ PRP (Platelet-Rich Plasma)
1.ทำให้ใบหน้า กระจ่างใสดูอ่อนวัยขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือ กรณีฉีดเข้าหนังศีรษะจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง ภายใน 2-3 สัปดาห์
2.ซ่อมแซมผิวหนังที่ เกิดปัญหาและ รักษาผิวจากการถูกทำลาย ช่วยให้ผิวตึงกระชับ เรียบ เนียนและอ่อนนุ่ม ช่วยชะลอความชรา หรือกรณีฉีดเข้าหนังศีรษะจะช่วยเรื่องกระตุ้นเส้นผมและลดอาการหลุดร่วงของเส้นผม
3.มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง โดยหลังทำจะรู้สึกได้ว่าผิวหน้าแน่นและบวมเล็กน้อย อาจมีรอยจุดบวมเป็นเหมือนตุ่มมดกัดบ้างเล็กน้อย บางท่านอาจมีรอยช้ำประมาณ 3-4 วัน